ปัจจุบัน มีแบรนด์สินค้า Projector มากมายวางจำหน่ายบนท้องตลาด ทำให้การเลือกใช้โปรเจคเตอร์นั้นมีทางเลือกที่มากมายหลากหลาย บทความนี้จะมานำเสนอ วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ว่าต้องดูที่อะไร ควรคำนึงถึงปัจจัยใดๆ บ้าง
เบื้องต้นนี้ หลายๆ ท่านคงทราบและคุ้นเคยกับปัจจัยพื้นฐานในการเลือกใช้ Projector มาบ้างแล้ว ประกอบด้วย
อย่างไรก็ตามคำตอบของสิ่งเหล่านี้ ก็อาจจะยังไม่เพียงพอในการใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ โดยเฉพาะหากมีเงื่อนไขต่างๆ และปัจจัยภายนอก เพิ่มเติม เช่น ต้องการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ สำหรับใช้งานในหลายๆ สถานที่ เป็นต้น เรามาดูกันครับ ว่า วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ที่ถูกต้อง ต้องเริ่มยังไงบ้าง
โปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉาย คืออุปกรณ์ที่ใช้ในการฉายภาพ โดยใช้หลักการฉายแสงออกมาจากเลนส์ ในบทความนี้ เราจะพูดถึง Digital Projector ซึ่งคือเครื่องฉายที่รับข้อมูลจาก Video inputs ทำหน้าที่เหมือนกับ TV หรือจอคอมพิวเตอร์ แต่มีความยืดหยุ่นในการใช้งานมากกว่า มีข้อได้เปรียบกว่าอุปกรณ์อื่นๆดังนี้
ด้วยเหตุนี้ทำให้โปรเจคเตอร์เป็นหนึ่งในทางเลือกที่คนนิยมที่สุด ในการใช้งานตามสถานที่จำเพาะ อาทิเช่น ห้องประชุม โถงประชุม ห้องดูหนัง ฯลฯ แต่เมื่อเราเลือกจะใช้งานมันแล้ว ก็ต้องเรียนรู้ วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ที่ถูกต้องด้วยครับ
ธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ต้องคำนึงถึงชนิดของมันด้วย ซึ่งเราสามารถแบ่งประเภทการใช้งานของดิจิตอลโปรเจคเตอร์ออกมาได้ง่ายๆ เป็น 4 กลุ่ม ประกอบด้วย
ซึ่งการแบ่งกลุ่มก็ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ สถานที่ และ ความเหมาะสมในการใช้งาน อาทิเช่น ใช้งานในห้องนั่งเล่น คือ Home theater, ใช้งานในโถงห้องประชุมขนาด 500 ที่นั่ง คือ Large venue เป็นต้น ก่อนที่จะดูวิธีการเลือกซื้อ เรามาทำความรู้จักโปรเจคเตอร์แต่ละชนิดกันก่อนนะครับ
พ็อกเก็ตโปรเจคเตอร์ คือเครื่องฉายขนาดพกพา ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก บางรุ่นถึงกับเล็กกว่าสมาร์ทโฟนเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะถูกใช้งานในลักษณะอุปกรณ์เสริม เสมือนเป็นจอคอมพิวเตอร์ หรือจอโทรทัศน์ขนาดเล็กเท่ามือถือที่ง่ายต่อการพกพาไปได้ทุกที่
Pico โดยมากจะใช้ระบบไฟ LED ทำให้มีการกินพลังงานที่ต่ำ ประหยัด และไม่เกิดความร้อนสูง ส่วนใหญ่จะมีความสว่างที่ไม่สูงมาก ประมาณ 25 ถึง 1,500 lumens เท่านั้น และไม่สามารถซูมเข้าออกหรือปรับขนาดหน้าจอที่ฉายได้
มัลติมีเดียโปรเจคเตอร์ เป็นกลุ่มเครื่องฉายที่มีจุดประสงค์การใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ไว้ดูหนังในห้องนอน, การพรีเซ้นต์ PowerPoint ในที่ทำงาน ไปจนถึงฉาย Slideshow ในงานแต่งงานเลยทีเดียว
ส่วนใหญ่ตัวเครื่องจะมีน้ำหนักตั้งแต่ 1 กิโลกรัม ขึ้นไป มีช่วงความสว่างอยู่ที่ประมาณ 2,500 ถึง 4,500 lumens และมีเลนส์ที่สามารรถซูมได้
อย่างไรก็ตาม ระยะซูมของประเภทนี้จะอยู่ที่เพียง 1.2 ถึง 1.5 เท่า ซึ่งถือว่าน้อยถ้าเทียบกับแบบ Home Theater (2 เท่า) วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ที่ถูกต้อง จึงต้องคำนึงถึงปัจจัยส่วนนี้เช่นกัน เพราะต้องคอยเช็คว่าขนาดหน้าจอฉาย สามารถรองรับขนาดแสงที่ฉายออกมาได้อย่างพอดี
โดยมากพอร์ทที่มีมาให้กับตัวเครื่อง จะเป็น HDMI, DVI, DisplayPort และ SDI และบางรุ่นยังมีการรองรับการใช้งานผ่านเครือข่ายไร้สายหรือ Wireless รวมถึงความสามารถในการฉายสไลด์โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อีกด้วย
ในส่วนของความละเอียด Multimedia Projector ส่วนใหญ่จะมีคุณภาพ Resolution ที่ดีกว่า SD หรือ HD ขึ้นไป ประกอบด้วย SVGA (800 x 600), XGA (1024 x 768), WXGA (1280 x 800) และ WUXGA (1920 x 1200) ซึ่งระดับ WXGA จะเป็นที่นิยมสุด เพราะเหมาะสมพอดีต่อการใช้ Present PowerPoint และฉายวิดีโอระดับความละเอียด HD
เป็นหนึ่งในประเภทย่อยของ Multimedia Projectors ซึ่งมีความพิเศษคือมี Ratio ที่น้อยกว่า 1:1 (ส่วนใหญ่อยู่ที่ 0.5:1 และ 0.3:1) มักจะไม่มีเลนส์ซูม และนิยมติดตั้งในรูปแบบ Mountingกับผนังแนวตั้ง ในจุดที่มีระยะใกล้กับฉากที่ใช้ฉาย (1.5 – 2 ฟุต เท่านั้น)
ส่วนใหญ่โปรเจคเตอร์ประเภทนี้จะใช้งานกันในห้องเรียนสำหรับสอน คู่กับ Whiteboard
ผู้ใช้บางคนมีการวางตัวเครื่องห่างจากฉากมากเกินไป เพราะต้องการให้เกิดภาพขนาดใหญ่ขึ้น แต่มักจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีนัก เพราะภาพที่เกิดขึ้นจะแตกเนื่องจากไม่ได้อยู่ในระยะที่แนะนำเหมาะสม ถือว่าเป็น วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ที่ผิดประเภท
โปรเจคเตอร์กลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ใช้คู่กับฉากขนาดไม่ใหญ่เกิน (กว้างไม่เกิน 8 ฟุต) และมีความสว่างพื้นฐานประมาณ 3,000 Lumens
เครื่องฉายประสิทธิภาพสูง มักจะสามารถทำหน้าที่เป็น Multimedia Projector ได้ในตัว เนื่องด้วยความสามารถที่ทรงพลัง ส่วนใหญ่ฉายด้วยแสงสว่างที่ต่ำ ประมาณ 1,800 Lumens โดยเฉลี่ย และมีเลนส์ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติการซูมได้ในระดับสูง
ส่วนใหญ่โปรเจคเตอร์ประเภทนี้จะใช้ระบบ LVC (Low-Voltage Control) เมื่อเปิดหรือปิดการใช้งานที่ตัวเครื่อง จะสามารถลิ้งไปยังตัวฉากฉายให้เปิดหรือปิดตามได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ตัวเครื่องมักจะมีระบบระบายความร้อนที่ดี ทำให้ไม่เกิดเสียงดังเวลาทำงาน และด้วยความละเอียดระดับ FHD ทำให้สามารถเรียกได้ว่า Home Theater Projectors นี้ เป็นหนึ่งในประเภทที่ดีที่สุดเลยทีเดียวครับ
อย่างไรก็ตาม วิธีเลือกซื้อโปรเจคเตอร์ ประเภทนี้ ก็เป็นสิ่งที่ต้องระวัง เพราะบางแบรนด์มีการพยายามปรับ ดัดแปลง Multimedia Projector แล้วนำมาจำหน่ายโดยอ้างว่าเป็นระดับ Home Theater ทั้งๆ ที่มาตรฐานความละเอียด ไม่ได้มีประสิทธิภาพดีเท่าที่ควรครับ
สรุปแล้ว หากใครก็ตาม ที่ต้องการภาพที่ออกมาดูดี แสงสีที่สมจริง และฉายเข้ากับฉากขนาด 100 นิ้ว หรือใหญ่กว่าได้ Home Theater โปรเจคเตอร์ จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
หน้าที่เข้าชม | 160,015 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 141,664 ครั้ง |
เปิดร้าน | 31 พ.ค. 2562 |
ร้านค้าอัพเดท | 16 ต.ค. 2568 |